9 พฤติกรรมมนุษย์ยอดแย่ในออฟฟิศที่ต้องระวัง

ขึ้นชื่อว่า “คน” ย่อมยากที่จะเข้าใจในทุก ๆ เรื่องครับ เพราะความคิดของคนนั้นหลากหลาย

เนื่องมาจากการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน วัฒนธรรมในการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน

และทัศนคติวิธีคิดที่บางคนมองแง่บวก บางคนมองในแง่ลบ โดยเฉพาะการทำงานในองค์กร

ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่เล็ก หรือ องค์กรที่ใหญ่ ล้วนประสบปัญหาเรื่องคนทั้งสิ้น

จากประสบการณ์การบรรยายในฐานะวิทยากรที่มีโอกาสเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ กว่า 300 บริษัท ฯ

ผมพบว่าปัญหาเรื่องคนนับเป็นปัญหาที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องมาจากวิธีคิดของคนที่ยังเป็นปัจเจกบุคคล

ขาดการรับฟังปัญหาซึ่งกันและกัน มองคนในอื่นในแง่ร้ายมากกว่าแง่ดีที่เขามี จนนำมาสู่การขัดแย้งกันเองภายใน

องค์กร จนส่งผลเสียถึงการทำงานเพื่อเป้าหมายสูงสุดขององค์กร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องคนไม่ได้ครับ

ในส่วนตัวผมนั้นมีความเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอครับ ปัญหาจะเล็กหรือจะใหญ่

หากเรามองเป็นเรื่องยาก ย่อมเป็นเรื่องยาก แต่หากเรามองเป็นเรื่องเล็ก ๆ หรือ ท้าทายกับปัญหา

ทุกอย่างย่อมมีทางเลือกให้เราเสาะแสวงหาในการแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอนครับ และในบทความนี้

ผมมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการทำงานร่วมกับคนในออฟฟิศที่มีความหลากหลายทั้งอายุ เพศ ความรู้ และวิธีคิด

เพื่อการปรับตัว และยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ทำไมถึงต้องปรับตัว เพราะเราเปลี่ยนความคิดของคนอื่นไม่ได้หรอก

ครับ ยกเว้นเราเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ ในเรื่องที่สื่อสารจนคนอื่นเห็นเป็นแบบอย่างและนำสิ่งที่เห็นไปพัฒนาตนเอง

จนเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ทุกอย่างย่อมต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ ส่วนการปรับตัว และ ปรับใจตนเองนั้น

ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะสิ่งที่เราควบคุมได้ 100 % คือ ความคิดของเราเองที่จะทำ หรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่างครับ

ถึงแม้จะมีคนมาบอกเราว่า ลองทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ดูสิ จะได้มีโอกาสร่ำรวย ซึ่งคนที่พูดเขาอาจหวังดีกับเราครับ

แต่เราจะทำหรือไม่ทำ ขึ้นอยู่กับมุมมองและความคิดของเราเองครับ และบางครั้งการปล่อยวางในเชิงอารมณ์ก็

สำคัญมาก ๆ เพราะการปล่อยวางจะทำให้เราไม่ต้องแบกความทุกข์จากการรับรู้อารมณ์ของผู้อื่น

ใครจะของขึ้นก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเราที่ต้องไปทนรับความทุกข์ใส่จนกลายเป็นขยะเหม็นเน่าครับ

ผมเกริ่นมาเยอะล่ะครับ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจที่มาที่ไปของการปรับตัวเพื่อนำมาเรียนรู้กับคนในออฟฟิศที่

มีความหลากหลาย พร้อมไหมครับ ลองไปดูคนเหล่านี้กันว่ามีในออฟฟิศเรามากน้อยแค่ไหนกับคน

9 พฤติกรรมมนุษย์ยอดแย่ในออฟฟิศที่ต้องระวัง

 

1.คนที่ไม่รับฟังผู้อื่น

คนประเภทนี้มักคิดว่าตัวเองเก่ง และรู้ดีที่สุดในการทำงานแต่ละเรื่อง จนขาดการรับฟังผู้อื่นเพราะมองว่า

เสียเวลาและเข้าใจดีอยู่แล้ว โดยลืมมองไปว่า การทำงานอาจต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนา

วิธีการรับมือกับคนแบบนี้

ทำใจเยอะ ๆ ปล่อยวางเชิงอารมณ์เยอะ ๆ ก่อนที่เราจะสื่อสารกับเขา

และเตรียมข้อมูลที่จะสื่อสารให้แปลกและแตกต่างจนเขาคาดไม่ถึงและพร้อมรับฟังในสิ่งที่เกิดขึ้น

หากคนที่ไม่รับฟังเป็นหัวหน้างานเรา และเราได้นำเสนอข้อมูลไปให้พิจารณาแล้ว หากเขาไม่ตัดสินใจ

จงก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดในสิ่งที่ทำได้เต็ม 100 % ต่อไป หรือหากรู้สึกไม่มีความสุข

ในการทำงานกับคนแบบนี้ จงมองทางเลือกอื่น ๆ ไว้บ้างครับ เพราะชีวิตไม่มีทางตัน

 

2.คนที่พูดไม่คิด

คนประเภทนี้มักใช้อารมณ์เป็นใหญ่ มักจะพูดโดยไม่สนใจคนอื่นจนบางครั้งทำให้คนฟัง เสียหาย เสียหน้า

เสียใจ และเสียความรู้สึก และมักไม่รู้ตนเอง หรือหากรู้ตนเองก็ไม่ทันที่จะดึงคำพูดนั้นกลับคืนมา

วิธีการรับมือกับคนแบบนี้

อย่าไปเก็บคำพูดของคนเหล่านี้มาทำให้ใจเป็นทุกข์ครับ ปล่อยวางได้ก็ควรปล่อยวางและโฟกัสสิ่งที่ทำตรงหน้าให้

ดีที่สุด ยกเว้นเรื่องที่เขาพูดถึงแม้จะทำให้เราเสียใจ แต่ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาพูดก็ควรพิจารณานำไปปรับปรุง

ตนเองต่อไปครับ

 

3.คนที่ขาดสัมมาคารวะผู้อื่น

คนประเภทนี้มักไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยไหว้ ให้เกียรติต่อคนที่อาวุโสมากกว่า เพราะคิดว่าตนเองนั้นมีความสามารถ

วิธีการรับมือกับคนแบบนี้

ให้เกียรติต่อคนเหล่านี้ก่อนครับ เพราะบางครั้งเขาอาจต้องการให้คนอื่นมาให้เกียรติต่อตัวเขาก่อนก็ย่อมได้

ดังนั้น เราอย่าไปโต้แย้งในสิ่งที่เขาเป็น แต่ให้ใช้ใจแลกใจกับเขาเพื่อทำให้เขาเห็นว่า การเคารพซึ่งกันและกัน

โดยเฉพาะต่อผู้หลักผู้ใหญ่นับเป็นความงดงามที่ควรทำในองค์กร

 

4.คนที่มักกังวลตลอดเวลา

คนประเภทนี้มักขี้กลัว และไม่มั่นใจเวลาที่ต้องทำสิ่งใหม่ ๆ จนขาดการลงมือทำที่มากพอ และไม่กล้าเสนอแนะ

ความคิด ได้แต่รอคำสั่งให้ทำเพียงเท่านั้น

วิธีการรับมือกับคนแบบนี้

หากเรามีลูกน้องประเภทนี้ ควรให้กำลังใจและพร้อมรับฟังในการมอบหมายงานทุก ๆ ครั้งว่าสามารถทำงาน

ได้ตามเวลาที่กำหนดหรือเปล่า ถึงแม้งานอาจจะเร่งด่วน แต่ต้องพร้อมให้โอกาสเขาพูดถึงกรอบเวลาที่สามารถทำ

ได้ รวมถึงการป้อนงานใหม่ ๆ โดยค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปอย่าไปเร่งรีบมากเกินขอบเขต

 

5.คนเฉื่อย

คนประเภทนี้มักทำงานไปเรื่อย ๆ ทำแบบเดิม ๆ ถึงแม้จะมีวิธีการที่ดีกว่าแต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตนเอง

ขาดความมุ่งมั่น ทำงานค่อนข้างช้า ไม่สนใจว่าคนอื่นที่รับงานต่อว่าจะเป็นอย่างไร ทำงานทันเวลาไหม

เพราะส่งงานล่าช้าทุกที

วิธีการรับมือกับคนแบบนี้

ต้องทำใจเยอะ ๆ หากหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตนเองในทันที แต่คนเราต้องมีความหวังครับถึงแม้จะริบหรี่ 555

คนประเภทนี้ที่เขาไม่เปลี่ยนแปลงอาจเพราะขาดความรู้ความเข้าใจในสิ่งใหม่ ๆ การสนับสนุนให้เขาได้ไปเปิดโลก

สร้างมุมมองใหม่ ๆ เติมพลังให้ชีวิตนับว่าเป็นสิ่งที่ดี โดยส่งไปอบรมภายนอกองค์กร หรือให้ลองทำงานใหม่ ๆ

อาจทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตนเองก็ย่อมได้ครับ

 

6.คนที่ชอบฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน

คนประเภทนี้ค่อนข้างน่ากลัว ปากกับใจไม่ค่อยตรงกัน ไม่เคยมองคนอื่นในแง่ดี อิจฉาคนไปวัน ๆ

วิธีการรับมือกับคนแบบนี้

อยู่ห่าง ๆ จะดีที่สุด แต่หากต้องทำงานร่วมกัน ต้องยอมรับและเน้นความเป็นมืออาชีพคือประสานงานเท่าที่

จำเป็นต้องทำ มีแผนสำรองเผื่อไว้ กรณีที่คนประเภทนี้แกล้งเรา อย่าประมาทครับ และหากไม่ต้องทำงานด้วย

ก็ควรอยู่ห่าง ๆ ไว้ย่อมปลอดภัยที่สุด

 

7.คนที่ชอบกินแรงเพื่อนไม่ค่อยทำงาน

คนประเภทนี้ไม่ค่อยชอบลงมือทำงาน แต่ชอบพูดคุยโม้โอ้อวดไปวัน ๆ ว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้

พอจะทำงานก็หมดเวลาเลิกงานกลับบ้าน

วิธีการรับมือกับคนแบบนี้

ให้กำลังใจเขา พูดในแง่ดีถึงความสามารถของเขาที่เขามีให้เขาเกิดความภาคภูมิใจ และกล้าลงมือทำ

ให้เห็นประจักษ์กับสายตาผู้อื่น อย่าไปว่าเขาในแง่ร้ายคนพวกนี้ชอบต่อต้านครับ แรงมาก็อย่าไปแรงกลับ

ควรผ่อนหนักเป็นเบาจะดีกว่าครับ

 

8.คนที่ชอบนินทาคนอื่น

คนประเภทนี้วัน ๆ ไม่ค่อยทำงานชอบจับกลุ่มนินทาว่าร้ายคนอื่น เพราะมักมองคนอื่นในการจับผิดมากกว่าการ

จับถูก มักคุยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง โดยเฉพาะการจับกลุ่มนินทาหัวหน้าตนเอง

เห็นแล้วเพลียครับ

วิธีการรับมือกับคนแบบนี้

หากเจอคนเหล่านี้ชวนไปคุย ด้วยคำว่ามารยาทไม่ควรหลีกหนี แต่ก็ไม่ควรพูดสมทบแค่รับฟังเพราะไม่อยากมี

ปัญหากับใครทั้งนั้น หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาในการทำงานไปนั่งรับฟังเรื่องไร้สาระก็ปฏิเสธออกไปโดยอ้างงานที่

เยอะต้องรีบสะสาง แต่ต้องรู้จักพูดนะครับ เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้รับรู้ว่าเรานั้นไม่อยากฟัง

 

9.คนที่ชอบเงียบ ไม่ค่อยสื่อสารกับคนอื่น

มาถึงประเภทสุดท้ายแล้วนะครับ คนประเภทนี้มีนิสัยที่ค่อนข้างเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใครในออฟฟิศ

เวลาทำงานหากรับเรื่องมาก็เงียบเหมือนเดิม ไม่แจ้งความเคลื่อนไหวให้คนที่ประสานงานรู้ว่างานไปถึงไหนแล้ว

ส่งอีเมล์ไปก็ไม่เคยตอบกลับ รับปากว่าจะทำแต่ก็เงียบเหมือนเดิม

วิธีการรับมือกับคนแบบนี้

หากต้องประสานงานกับคนที่ชอบเงียบนั้น เราควรติดต่อสื่อสาร 2 ทาง โดยการส่งอีเมล์ไปแจ้งข้อมูล

และจากนั้นควรโทรหา หรือ เดินไปพูดคุยกับคนประสานงานถึงงานที่แจ้งไปเพื่อพูดคุยมากกว่ารอการตอบ

กลับผ่านอีเมล์เพียงอย่างเดียว การส่งอีเมล์เพื่อเป็นการบันทึกข้อมูลเชิงลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นหลักฐานในการ

ประสานงาน แต่ก็ไม่เท่ากับการพูดคุยกันเยอะ ๆ เพื่อรับฟังข้อมูลป้อนกลับจากผู้รับสารเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

ในการทำงานนะครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับ กับคน 9 ประเภทมีในออฟฟิศที่เราทำงานอยู่มากน้อยแค่ไหนครับ

หากเจอควรหลีกหนีไม่พ้น หรือหากต้องทำงานร่วมกัน อย่าลืมทำใจ ปล่อยวางเชิงอารมณ์และเน้นความเป็นมือ

อาชีพในการทำงาน คือ ประสานงานตามหน้าที่ของเราในขอบเขตที่รับผิดชอบ รู้จักปรับตัวปรับใจ

แต่อย่าไปลอกเลียนแบบนิสัยและพฤติกรรมที่ไม่ดีมานะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนครับ

 

เชื่อผมเถอะ ++

 

ท่านสามารถติดตาม Dr.fish ได้ทาง Line แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยทำตามขั้นตอน คือ

1.ค้นหา ID : Dr.fish กรุณากดลิงก์ด้านล่าง หรือค้นหา ID "@dr.fish" ที่ LINE หรือ LINE@ 

(กรุณาใส่ "@" ด้วย) แล้วเพิ่มเป็นเพื่อนของคุณ

 2. คลิก Link http://line.me/ti/p/%40dr.fish

 

ประโยชน์ที่จะได้รับในการเป็นเพื่อนกับ dr.fish คือ

1.ได้รับข้อมูลการพัฒนาตนเองที่เป็นประโยชน์ วิธีคิดในเชิงบวก ทุกเช้า 7.30 น.ทุกวัน

2. สามารถปรึกษาการทำงาน วิธีคิดได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจครับ ยินดีมาก ๆ ครับ

 

คิดบวก คิดถึง Dr.fish

เขียนโดย อ.มงคล กรัตะนุตถะ

วิทยากร นักคิด นักเขียน 

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

Visitors: 713,520