5 พฤติกรรมที่ผู้นำไม่ควรทำต่อลูกน้องในทุก ๆ วัน
การเป็นหัวหน้างานที่ดีได้นั้น จำเป็นที่ต้องเข้าใจบทบาทของการนำลูกน้อง
เพื่อเป้าหมายไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างไป คนละทิศคนละทาง
แบบนั้นคงยากที่จะประสบความสำเร็จตามที่องค์กรคาดหวังไว้
ดังนั้น เมื่อเราถูกแต่งตั้งให้ขึ้นมานำทีมแล้วไซร้ การเข้าใจบทบาทย่อมมีความสำคัญ
โดยเฉพาะ คำว่า ภาวะผู้นำ ที่ผู้นำทุกคนควรตระหนักในบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ
มากกว่าอำนาจที่ได้รับในแต่ละวัน ซึ่งหากพูดถึง ภาวะผู้นำ ในมุมมองของผู้นั้น ผมเชื่อว่าคนที่มีภาวะผู้นำ
สิ่งแรกที่เขาจะใช้ก่อน คือ เรื่องของใจ หรือพูดแบบง่าย ๆ คือ อยากได้อะไรจากใคร เขาจะพร้อมให้คนอื่นแบบนั้น
ก่อนเสมอ เช่น อยากได้รอยยิ้มจากคนรอบข้าง คนที่มีภาวะผู้นำเขาจะไม่รอให้คนอื่นมายิ้มก่อน
แต่พร้อมจะยิ้มให้คนอื่นก่อนเสมอ หรือ อยากได้การเคารพให้เกียรติจากคนรอบข้าง คนที่มีภาวะผู้นำเขาจะพร้อม
ให้ความเคารพต่อผู้อื่น ให้เกียรติผู้อื่นในการทำงานร่วมกันอยู่เสมอ
ดังนั้น คนที่มีภาวะผู้นำ ต้องพร้อมที่จะนำคนอื่น มีความคิดในเชิงบวกอยู่เสมอ มองโลกตามความเป็นจริง
ไม่ยึดติด พร้อมเปิดใจรับฟังสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในการทำงานให้ดีขึ้น เป็นตัวอย่างที่ดีให้ผู้ตามได้เห็น
และนำไปปรับใช้เพื่ออนาคตในวันข้างหน้า รู้จักกระตุ้น จูงใจ ให้กำลังใจได้ในวันที่ผู้ตามท้อถอย
และกล้าที่จะแนะนำ สอนในสิ่งที่ดี เพื่อกระตุ้นความคิดให้ผู้ตามมีแนวทางในการพัฒนาตนเอง และพัฒนางานให้
ดีขึ้นในทุก ๆ วัน นั่นคือ สิ่งที่ผมเชื่อว่า ผู้นำที่ดีควรต้องปฏิบัติ แต่เชื่อไหมครับ จากประสบการณ์ที่ผมทำงานด้านบุคคล
และปัจจุบันผันตัวเองมาเป็นวิทยากรแก้ไขปัญหาให้องค์กรต่าง ๆ ผมพบว่า ปัญหาที่คนส่วนใหญ่ลาออมักเกิดจาก
หัวหน้างาน เพราะหัวหน้างานบางคน ไม่เข้าใจในบทบาทของการเป็น ผู้นำที่มีภาวะผู้นำ และมักใช้อำนาจ
ใช้คำพูด ใช้กิริยาท่าทางที่ไม่ดี จนทำให้ลูกน้องขาดความเคารพจนสุดท้ายทนไม่ไหว ก็ลาออกไป
ซึ่งบทความนี้ผมขอนำเสนอ 5 พฤติกรรมที่ผู้นำไม่ควรทำต่อลูกน้องในทุก ๆ วัน มีอะไรบ้างตามมาอ่านกันครับ
1.ขาดการเคารพให้เกียรติลูกน้อง
เพราะการสวมบทบาทของหัวหน้างาน คือ การใส่หัวโขน ซึ่งหัวโขนที่ใส่อยู่นั้น ก็ไม่ควรทะนงตนว่า เราคือ หัวหน้างาน
มีอำนาจในการสั่งงาน ชี้นิ้วกับลูกน้อง เพราะการเอาแต่ชี้นิ้ว แต่ไม่เคยสอน ไม่เคยคุย ไม่เคยถาม ลูกน้อง จะทำให้การ
ทำงานตรึงเครียดมากกว่าทำงานด้วยความสนุกสนาน วันนี้ลองทำแบบใหม่นั่นคือ
เจอหน้าลูกน้องก็เริ่มด้วยการทักทายพูดคุย ถามสารทุกข์สุกดิบกันบ้างก่อนเริ่มทำงาน
สร้างความพร้อมก่อนเริ่มงานด้วยการพูดคุยเน้นย้ำเป้าหมาย
ในสิ่งที่ทำ หากเจอปัญหาก็หันหน้ามาคุยกันแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน
มากกว่าปล่อยปัญหาสะสมจนยากจะแก้ไข หรือ หากเรามีลูกน้องที่อายุมากกว่า
ก็ลองให้เกียรติลูกน้องคนนั้น ด้วยการยกมือไหว้สวัสดี เปิดการทักทายต่อลูกน้องก่อน
ดีกว่าทำตัวนิ่ง ๆ หน้าบึ้ง ๆ เพราะการครองใจผู้อื่นได้นั้น เราต้องเริ่มต้นจากการให้ใจคนอื่นก่อน
จำไว้ว่า เราเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงตัวเราเองได้ครับ
2. ตำหนิผลงานที่ผิดพลาดต่อหน้าลูกน้องคนอื่น
การเป็นหัวหน้างานที่ดีได้นั้น ต้องคำนึงเรื่องการพูดอยู่เสมอ
เพราะก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด แต่เมื่อพูดไปแล้วคำพูดจะเป็นนายเราย่อมยากที่จะหวนคืนกลับมา
ดังนั้น จงคิดก่อนพูดทุกครั้งและอย่าใช้คำพูดที่ทำให้ลูกน้อง เสียหาย เสียหน้า เสียใจ และเสียความรู้สึก
โดยเฉพาะการตำหนิผลงานที่ผิดพลาดต่อหน้าลูกน้องคนอื่น
เป็นสิ่งที่หัวหน้างานที่ดีจะไม่ทำกัน ซึ่งหากต้องการตำหนิควรเรียกมาพบเป็นการส่วนตัว
ย่อมดีกว่า ยกเว้นกรณีที่ผลงานของลูกน้องคนนั้นทำได้ดี ก็ควรชื่นชมต่อหน้าลูกน้องคนอื่น ๆ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป
3. ปิดกั้นความคิดเห็นของลูกน้อง
การทำงานส่วนที่สำคัญมาก ๆ คือ ทักษะการฟัง ฟังให้เข้าใจ และแยกแยะข้อมูล
เพื่อนำมาพิจารณาตัดสินใจ มากกว่าฟังเสียงตัวเองเพียงข้างเดียว
เพราะการทำงานคนที่รู้ดีที่สุด คือ คนที่อยู่หน้างาน หากเรากล้าเปิดใจถามลูกน้อง
และฟังเสียงลูกน้องด้วยความเป็นธรรม จริงใจ เราจะได้ข้อมูลที่หลากหลาย
ทั้งนี้ ลูกน้องคงไม่มีอำนาจตัดสินใจแทนหัวหน้างาน แต่การได้ข้อมูลที่มาก ๆ
ย่อมดีกว่าที่ไม่มีข้อมูลใด ๆ เลยจริงไหมครับ !!
อีกอย่าง หากเราปิดกั้นความคิดของลูกน้องมากเท่าไหร่ ถึงเวลาเมื่อเราเปิดใจฟังลูกน้องมากขึ้น
ก็อาจสายเกินแก้ เพราะลูกน้องอาจไม่กล้าพูด หรือไม่อยู่พูดแล้วก็ได้ครับ
4.สื่อสารไม่ชัดเจนในการมอบหมายงาน
การมอบหมายงานมี 2 แบบ คือ แบบปากเปล่า และลายลักษณ์อักษร
ทั้งนี้ การมอบหมายงานโดยเฉพาะ วาจา ทุกครั้งเวลามอบหมายงานต้องพูดให้ชัดเจน
และเฉพาะเจาะจงมากกว่า พูดห้วน ๆ สั้น ๆ เช่น พรุ่งนี้นำงานมาส่งพี่ตอนเช้าบนโต๊ะทำงานนะ
จะสังเกตว่า ตัวอย่างที่ให้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ เพราะคำว่า “เช้า”
ตีความหมายได้หลายเวลา ซึ่งหากเราไม่ได้ทวนคำพูดนั้นกลับจากลูกน้อง
ย่อมอาจเกิดการคลาดเคลื่อนในเรื่องเวลาไม่มากก็น้อยนะครับ
กลับกัน หากเราพูดว่า พรุ่งนี้นำงานมาส่งพี่ตอนเช้า เวลา 9.00 น.บนโต๊ะทำงานนะ
และก่อนให้ลูกน้องไปทำงาน ก็ทวนคำสั่งนั้นอีกครั้งจากกลูกน้อง
เพื่อให้การสื่อสารตรงกันทั้งผู้ส่งสาร คือ หัวหน้า และผู้รับสาร คือ ลูกน้อง
ย่อมมีโอกาสทำให้งานเดินไปได้อย่างราบรื่นไม่สะดุดหัวทิ่มจนงานหลุดเกิดความผิดพลาดครับ
ทั้งนี้ หากลูกน้องนำงานมาส่งก่อนเวลา ก็ควรชมบ้างเพื่อเป็นกำลังใจ
แต่หากยังไม่ถึงเวลานัดหมาย ก็ไม่ควรไปเร่งจี้เอางานนั้นนะครับ
ยกเว้นอาจเดินไปไถ่ถาม ด้วยคำพูดเชิงการให้คำปรึกษา
เช่น งานเป็นอย่างไรบ้าง ติดขัดตรงไหนให้พี่ช่วยไหม เพื่อทำให้ลูกน้องเกิดขวัญกำลังใจที่ดี
ในการเป็นห่วงจากหัวหน้างาน ลองดูนะครับ
5.ทำหน้าท้อกับงานต่อหน้าลูกน้อง
บางครั้งคนเราย่อมมีอาการท้อถอยกับงานได้ ซึ่งไม่ผิดหรอกครับ เป็นเรื่องปกติ
แต่การท้อต่อหน้าลูกน้อง ก็ไม่ควรทำเช่นเดียวกัน เพราะหากวันนี้หัวหน้ายังไม่เชื่อในงานนั้น ๆ ที่ทำ
ลูกน้องก็ย่อมไม่เชื่อมั่นในตัวหัวหน้างานเช่นเดียวกัน
ดังนั้น การเป็นอย่างที่ดีกับลูกน้องทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว
คือสิ่งที่หัวหน้างานที่ดีต้องคำนึงอยู่เสมอ
ทั้งนี้ ทุกครั้งที่เจอปัญหาในการทำงาน จงอย่าเลือกคิดแก้ไขปัญหาเพียงลำพัง
แต่ควรใช้หลักคิดการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยให้ลูกน้องช่วยกันเสนอความคิดเห็น
ในการประชุมงาน อาจเป็นรายวัน หรือ รายสัปดาห์ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน
มากกว่าที่หัวหน้างานเอาแต่เครียดอยู่คนเดียว เชื่อผมเถอะ !!
การทำงานที่ดีนั้น ต้องช่วยกันโดยหัวหน้างานต้องสร้างคำว่า
ร่วมใจ ร่วมคิด และร่วมทำ
ร่วมใจ = การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกน้อง
ร่วมคิด = ช่วยกันคิดในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ร่วมทำ = ช่วยกันสร้างผลลัพธ์ของงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรร่วมกัน
ทั้ง 5 ข้อ คือ สิ่งที่ผู้นำไม่ควรทำ ต่อ ลูกน้องในการปกครอง บริหารทีม
ลองสำรวจตนเองนะครับว่า ทุกวันนี้เรามี 5 ข้อที่ผมกล่าวถึงหรือไม่
หากมีก็ควรปรับปรุงแก้ไข คิดถึงเสมอว่า ใจเขาใจเรา
เราอยากได้อย่างไรต่อผู้อื่น ก็ควรทำแบบนั้นก่อนเสมอครับ
จำไว้ว่า เราเลือกผู้นำเราไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นผู้นำที่ดี และเป็นผู้นำที่ภาวะผู้นำได้ครับ
เชื่อผมเถอะ ++
ท่านสามารถติดตาม Dr.fish ได้ทาง Line แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยทำตามขั้นตอน คือ
1.ค้นหา ID : Dr.fish กรุณากดลิงก์ด้านล่าง หรือค้นหา ID "@dr.fish" ที่ LINE หรือ LINE@
(กรุณาใส่ "@" ด้วย) แล้วเพิ่มเป็นเพื่อนของคุณ
2. คลิก Link http://line.me/ti/p/%40dr.fish
ประโยชน์ที่จะได้รับในการเป็นเพื่อนกับ dr.fish คือ
1.ได้รับข้อมูลการพัฒนาตนเองที่เป็นประโยชน์ วิธีคิดในเชิงบวก ทุกเช้า 7.30 น.ทุกวัน
2. สามารถปรึกษาการทำงาน วิธีคิดได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจครับ ยินดีมาก ๆ ครับ
คิดบวก คิดถึง Dr.fish
เขียนโดย อ.มงคล กรัตะนุตถะ
วิทยากร นักคิด นักเขียน